หัวข้อ: เรื่องเล่า สงครามโลกครั้งที่ 2กับเมืองจอมทองของเรา โดยท่านอ.ชั้น เหมือนสุทธิวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: baojomtong ที่ ตุลาคม 25, 2016, 02:04:56 pm สารคดีพิเศษ จอมทองกับ สงครามโลกครั้งที่ 2
จาก หนังสืออนุสรณ์ ครบรอบ การจัดตั้ง 68 ปี พ.ศ.2483 ถึง พ.ศ.2551 ของโรงเรียนสุทธิวงศ์ดำรงวิทย์ โดย . ท่านอาจารย์ ชั้น เหมือนสุทธิวงศ์ สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มเกิดขึ้นเมื่อพ.ศ.2482- พ.ศ.2488 รบกันนานถึง 6 ปี อันตรายจากการใช้อาวุธเข้าห้ำหั่นกัน อันตรายจากการขาดเครื่องอุปโภค บริโภคของชาวโลกมีอยู่ทั่วทุกหัวระแหงอย่างแสนสาหัส ผู้เขียนเป็นคนสมัยนั้น จึงขอเล่าประสบการณ์เพื่อเป็นเกร็ดความรู้เพราะไม่เคยเห็นใครในท้องถิ่นบ้านเราเขียนขึ้นเลย เห็นเขีนกันแต่ในระดับกว้างๆ เช่นระดับประเทศ หรือระดับโลก จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาอ่านเรื่องในท้องถิ่นบ้านเราและคนที่บ้านเราเป็นผู้เขียน ปลายสงครามโลก ผู้เขียนเองกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของ"โรงเรียนปริยวาทวิทยา " อำเภอจอมทอง จ.เชียงใหม่ ปีการศึกษา 2488 ผู้เขียนต้องเดินเท้าจากบ้านพักหลังสถานีตำรวจอำเภอจอมทอง ไปเรียนที่ศาลาวัดข่วงเปา โรงเรียนได้ไปอาศัยเปิดเรียนอยู่ที่นั่นเป็ฯการชั่วคราว การเดินทางต้องผ่านค่ายพักของทหารญี่ปุ่นทุกวันๆ เราคุยกันเจนเรียกว่า"คุ้น" ตอนแรกๆเขาจะทักเราก่อนว่า" อาริงาโตะ" ทำเอางงเป็นไก่ตาแตก จึงเดาตอบเขาไปว่า"สวัสดี" ดูเขาจะชอบใจมาก วันต่อมาเขาทักเราว่า"ซาวัดดี อาริงาโตะ " ล่อกันทั้งสองภาษาเลย เราจึงตอบเขาไปว่า "สวัสดีอาริงาโตะ" คุยกันทั้งคุ้นเคย ทั้งเมื่อยมือทุกวัน จนกระทั้งไม่ได้คุยกัน เพาะทางราชการสั่งปิดโรงเรียนไม่มีกำหนดทั่วราชอาณาจักร และ ให้เลื่อนชั้นเรียนปลายปีได้ 1ขั้น โดยไม่มีการสอบไล่ปลายปี เพราะบ้านเมืองอยู่ในสภาวะคับขันมาก และให้สถานที่ราชการ บ้านเรือน ร้านค้า ขุดหลุมหลบภัยทางอากาศกันทั่ว.... ทางราชการอำเภอจอมทอง ได้สร้างหอสัญญาณเตือนภัยทางอากาศขึ้นที่บนต้นไม้จาว ซึ่งเป็ฯต้นไม้ที่สูงสุดในละแวกนั้น อยู่ใกล้ๆ ที่ว่าการอำเภอ(เมื่อก่อนที่ว่าการอำเภอตั้งอยู่ที่นั่น คือ ที่ตลาดวัด พระธาตุฯ หรือ กาดแลง) เขาทำนั่งร้านอยู๋บนค่าคบที่สูงที่สุดของต้นไม้จาว โดยมีเวรยามตลอดมีหน้าที่เปิดหวอ เมื่อมีเครื่องบินข้าศึกเข้ามาหรือผ่าน เพื่อชาวบ้านจะได้วิ่งลงหลุมเพื่อหลบภัยลูกระเบิด หรือ การยิงปืนกราดจากเครื่องบินจะปลอดภัยยกเว้นหากลูกระเบิดดันตกลงกลางหลุมพอดีก็เรียกว่า"หมดกรรม" เพราะจะต้องไปเกิดใหม่ ต่อไปเป็นเรื่อง "เสียวๆ" จากหลุมหลบภัย อ้อ / ลืมบอกไปต้นไม้จาว ต้นไม้ประวัติศาสตร์ ปัจจุบันเหลือแต่ตอ ลงจากถนนจะอยู่ทางขวามือทางลงไปวัดพระธาตุทางประตู้ด้านทิศใต้(บริเวณร้านค้าหลังคาแดง) เรื่องเสียว เรื่องที่ 1 ตอนสายๆของวันหนึ่ง...สัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้น ห..วอ.. หวอ.........อ .......อ จากหอเตือนภัยต้นไม้จาว ชาวจอมทองต่างวิงลงหลุมกันอุตลุต อกใจระทึกเป็นกลองตี ใครอยู่ใกล้ หลุมของใครโดดลงไปเถอะ ไม่มีใครว่าให้กัน คนสูงอายุบางคนคว้าดอกไม้ ธูปเทียน ไปด้วย วันนั้น ผู้เขียนลงหลุมข้างๆวัดพระธาตุ .. สักครู่ เห็นเครื่องบินขนาดยักษ์ B 29 จำนวน 4 เครื่อง บินเข้าแถวเรียงสอง บินผ่านศรีษะเราไป แต่....เจ้ากรรม มีเจ้าเครื่องบินลำหนึ่งดันแยกฝูง ปล่อยอีก 3 ลำ บินไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เจ้าลำเกเรลำนั้นมันบินวนไปกว้างๆ สักครู่ ได้ยินเสียงปังๆๆๆ เป็นชุดๆ หลายชุดทุกคนอกสั่นขวัญแขวนกันทั่ว.... เห็นคนสูงอายุคนหนึ่งแกจุดธูปเทียนพนมมือไหว้ประหลกๆ พร้อมอธษฐานอะไรของแกไปตามเรื่องฟังไม่ได้ศัพท์ จอมทองถูกโจมตีแล้ว..... เจ้านกเหล็กมันเข่าขวัญชาวจอมทองเสร็จภารกิจแล้ว ก็บินหายลับตามฝูงของมันไป.... สัญญาณปลอดภัยดังขึ้น ...ผู้คนรีบขึ้นมาจากหลุมถามกันให้แซด...... มันยิงที่ไหน .... มันยิงอะไร ..... ใครเป็นอะไรบ้าง.... ปรากฎว่า โน้น ที่ถนนเชียงใหม่ เหนือหัวสันป่าซาง เกวียนมีประทุน 2 คน โดนยิงพรุน โคเทียมเกวียนเจ้ากรรมตาย 2 ตัว คนขับเกวียนกระโดด หนีมุดเข้าท่อน้ำชข้างรอดตายหวุดหวิด .... บริเวณนั้น คือใกล้สามแยกไปดอยอินทนนท์ในปัจจุบัน แต่ก่อนโน้นยังไม่มีบ้านหรือร้านค้าใดๆ มีแต่ต้นฉาฉาขั้นปรกคลุมสองข้างทางไปตลอด เสียวครั้งที่ 2 ห่างจากเสียวครั้งแรกไม่กี่วัน เหตุการณ์ระทึกก็เกิดขึ้นอีกจนได้ สัญญาณเตือนภัย ฯ จากหอต้นไม้จาว หวอ... ...อ...อ.อ.ออ ๆๆๆ ผู้เขียนกระโดดลงหลุมใกล้บ้าน... มีตาแก่คนหนึ่งมาจากไหนไม่ทราบ มาลงด้วย... เครื่องบินข้าศึกมากัน 4 ลำ เหมือนครั้งก่อน มันบินมาจากทิศเดิมแล้วผ่านเราไป โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น.. หวอสัญญาณปลอดภัยดังขึ้น.... ทุกคนโล่งใจ แต่จากนั้นอีกประมาณชั่วโมงเศษๆ เจ้าหวอดังขึ้นอีก บางคนขี้เกียจลงหลุม แต่เห็นคนอื่นเขาลงก็ลงตามกันไป ดูๆเหมือนสมาชิกกลุ่มเมื่อเช้านั่นแหละ ... แล้วเจ้านกเหล็กมันก็มา แต่มาจากทางทิศที่มันไปเมื่อตอนเช้ามันคงไปทิ้งไข่ (ระเบิด) เสร็จภาระกิจของมันแล้ว .... มันผ่านหัวเรา ... ไม่ผ่านเปล่าครับ มันทิ้งวัตถุชิ้นใหญ๋สี ขาวขุ่นๆ ลงมาด้วย .. ทุกคนตกใจอีกแล้ว .....มันต้องเป็น ลูกระเบิดแน่ๆ มีเสียง ตะโกนจากที่ไหนไม่ทราบ ... ลูกระบิดแน่ๆๆ มีเสียงตะดกนจากที่ไหนไม่ทราบ .. ลูกระบืดลงมาแล้ว ๆๆๆ ระวังเด้อหมู่เฮา (ลูกระเบิดคนเมืองเราเรียก ลูกระบืด )... ผู้คนตกใจกันมากที่สุด ....มตาแก่ที่ลงหลุมกับผู้เขียนเห็นแกกลัวสุดขีด ก็เหมือนๆผู้เขียนนั่นแหล่ะ เห็นแกนั่งยองๆ มือสั่น ล้วงกระเป๋าเสื้อล้วงเอาพระองค์เล็กๆ ใส่ปาก มือแกสั่น ใส่ถูกใส่ผิด พระตกลงพื้น แกรีบคว้าใส่ปากจนได้ .. ปากบ่นพรึมพรำๆ ฟังไม่รู้เรื่อง .. เจ้าวัตถุจากอาศพุ่งต่ำลงๆๆ ทุกคนเอามือของตัวเองอุดหูกลัวเสียงระเบิด ระเบิดเจ้ากรรมตกลงมาแทนที่จะดัง ตูมๆๆ ใหญ่ๆ แผ่นดินสะเทือน แต่หลับมีเสียงดัง "ฉุบ" ลงที่กอไม้แพ่งหลังตลาด .. เจ้าเวรยามบนต้นไม้แทบหัวใจจะหยุดเต้นด้วยความกลัวสุดขีด เพราะเห็ฯเจ้าระเบิดอย่างถี่ถ้วน ตั้งแต่ถูกหย่อนลง ... จนถึงพื้นคิดว่าวันนี้ต้องตายแหง๋ๆๆ แข้งขาอ่อนแทบจะตกนั่งร้าน เพราะระเบิดมันตกห่าง ไปไม่ถึง 200 เมตร ...สัญญาณปลอดภัยดังขึ้น ทุกคนตอนนี้ไปดูระเบิดกันเป็นจุดเดียว แต่ไม่กล้าที่จะแตะต้อง กลัวมันเล่นไม่ซื่อ ตูมตามมาก็เสร็จ ... รอจนเจ้าหน้าที่ทหารมาตรวจ.. อนิจจา ! ลูกระเบิดยักษ์กลายเป็น ถึงน้ำมันเปล่ารูปร่างเหมือนลูกสลอด (บ่าหลอด) .. ทุกคนยกมือ "สาธุๆๆๆ" พ้นภัยไปอีกคราว ... ตาแก่ ที่ลงหลุมกับผู้เขียนก็อยู่ที่นั่นด้วยแต่แกรู้สึกพระองค์ในปากของแก ชักจะยุ่ยๆ กลิ่นตุๆ ไม่คอยเป็นมงคลเลย แกจึงคายออกมา ... เอาอีกแล้วครับพระองค์เล็กๆ ของแกกลาเป็นขี้ไก่แห้ง .. เห็นแกถ่มน้ำลาย ปลิ๊ดๆ แล้วก็อ้วก (ฮากแตกฮากแตน) พอได้สติ .. แกรีบวิ่งไปที่หลุมหลบภัย ไปหาพระองค์โปรดของแกจนได้ และ แกคงกลับบ้าน ไม่ยอมมาดูลูกระเบิดอีกเลย ... ผู้อ่านโปรดทราบคำว่า "ผู้เขียน" ในที่นี้ คือ ตัวผู้บริหารโรงเรียนสุทธิวงศ์ดำรงงวิทย์ ในปัจจุบัน และ ขอจบเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ เพียงเท่านี้ .. อาจารย์ ชั้น เหมือนสุทธิวงศ์ |